แนวคิด

ขั้นตอนการก่อสร้างที่ได้มาตรฐานและข้อกำหนด

construction2

ขั้นตอนการก่อสร้างเริ่มตั้งแต่งานฐานรากจนเสร็จสิ้น ล้วนต้องใช้ทักษะ ความรู้ความสามารถ เงินทุน การประสานของทุกฝ่าย จนได้เนื้องานที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานตามข้อกำหนด มีดังนี้


งานเสาเข็มฐานราก

เสาเข็มคอนกรีตอัดแรงรูปตัว I ขนาด 22 ยาว 18.00 เมตร (2 ท่อน)ต่อกันด้วยวิธีการเชื่อมด้วยไฟฟ้าโดยรอบ เพื่อให้ได้มาตรฐานความมั่นคงแข็งแรงในการสร้างบ้าน ป้องกันข้อผิดพลาดในระหว่างทำการตอกเสาเข็มและเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ในขณะทำการตอกเสาเข็ม บริเวณปลายเสาเข็มจะถูกแรงกระแทกจากน้ำหนักลูกตุ้มเหล็ก ทำให้เนื้อคอนกรีตเสาเข็มบริเวณดังกล่าวอาจจะเสียหาย ดังนั้นเมื่อทำการตอกเสาเข็มแล้วเสร็จ จึงควรตัดปลายเสาเข็มทิ้งประมาณ 50 เซ็นติเมตร ก่อนทำการหล่อคอนกรีตฐานราก
ข้อพึงปฏิบัติ
1. ควรตัดปลายเสาเข็มออกความยาวประมาณ 50 เซ็นติเมตร เนื่องจากบริเวณปลายเสาเข็มได้รับความกระทบกระเทือนจากตุ้มเหล็กในขณะที่ทำการตอก จึงทำให้ปลายเสาเข็มบริเวณนั้นเสียกำลังในการรับน้ำหนัก
2. ทำการปรับระดับก้นหลุมด้วยทรายหยาบ และเทคอนกรีตหยาบรองพื้น(1 : 3 : 5) ความหนาประมาณ 5 เซนติเมตร เพื่อให้เทคอนกรีตฐานรากได้ระดับเสมอกัน และป้องกันมิให้น้ำปูนไหลออกจากแบบหล่อคอนกรีต
3. เมื่อตัดเสาเข็มแล้วควรโผล่ปลายเสาเข็มไว้ สูงกว่าระดับคอนกรีตหยาบรองพื้น ประมาณ 15 - 20 เซ็นติเมตร เพื่อให้เสาเข็มฝังเข้าไปในคอนกรีตฐานรากที่เท ทำให้ยึดเหนี่ยวกันมั่นคงยิ่งขึ้น
4. เหล็กเสริมควรมีระยะห่างจากแบบหล่อคอนกรีต หรือผิวคอนกรีตอย่างน้อย 5 เซนติเมตร เพื่อหลีกเลี่ยงความชื้นจากใต้ดินกับเนื้อคอนกรีตที่เทหุ้มเหล็กเสริมไว้

งานพื้นคอนกรีต
พื้นอาคารทั่วไปใช้พื้นสำเร็จรูปชนิดท้องเรียบ รับน้ำหนักปลอดภัยได้ 200 กิโลกรัม / ตารางเมตร ซึ่งโดยปกติกฎหมายกำหนดไว้ 150 กิโลกรัม / ตารางเมตร ทั้งนี้เพื่อความมั่นคงแข็งแรง และมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น สำหรับการเลือกใช้พื้นสำเร็จรูปชนิด 3 ขา ของบริษัทผู้ผลิตแผ่นพื้น PCM แทนการใช้แผ่นพื้นชนิดท้องเรียบ(แบบเดิม) ทั้งนี้เพราะจุดเด่นของแผ่นพื้นชนิด 3 ขา คือเมื่อติดตั้งแผ่นพื้นไม่ต้องทำการค้ำยันกลาง เนื่องจากแผ่นพื้นถูกออกแบบมาเป็นคานรับน้ำหนักในตัวอยู่แล้ว ทำให้แผ่นพื้นไม่แอ่นกลางขณะติดตั้งและเทคอนกรีตทับหน้า
ข้อพึงปฏิบัติ
1. พื้นสำเร็จรูปควรใช้ชนิด 3 ขา เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดจากการแอ่นตัวของพื้น ขณะที่ทำการเทคอนกรีตทับหน้า
2. การค้ำยันถ้าความยาวแผ่นพื้นเกินกว่า 4.00 เมตร ควรมีค้ำยันชั่วคราวตามแนวกึ่งกลางของความยาวแผ่นพื้น
3. หลีกเลี่ยงการสกัดหลังคาน ค.ส.ล. เพื่อปรับระดับการวางแผ่นพื้น
4. การเทคอนกรีตทับหน้า(Topping) ให้ใช้ตระแกรงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 มม. ระยะห่าง 20 เซ็นติเมตร ความหนาคอนกรีตทับหน้า 4 เซ็นติเมตร หรือตะแกรง Wire Mesh ขนาด 4 มม. @ 20 เซนติเมตร ควรหลีกเลี่ยงการเทคอนกรีตทับหน้าหนากว่าที่กำหนด เพราะจะทำให้เพิ่มการรับน้ำหนักของพื้นและโครงสร้างอาคาร
5. คอนกรีตพื้นชั้นล่างควรผสมน้ำยากันซึม เพื่อป้องกันความชื้นจากพื้นดินที่อาจส่งผลกระทบต่อวัสดุปูผิวพื้น เช่น กระเบื้อง ไม้ปาร์เกต์ เป็นต้น โดยได้รับความเห็นชอบจากวิศวกร

งานคอนกรีต
ความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างอาคารมีความสำคัญยิ่ง ที่จะทำให้บ้านที่สร้างมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับ คอนกรีต ในงานโครงสร้างอาคาร โดยการเลือกใช้คอนกรีตผสมเสร็จจากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐานในงานโครงสร้าง เสา, คาน, และพื้น เพราะสามารถควบคุมคุณภาพและส่วนผสมของ ปูนซิเมนต์ หิน ทราย และน้ำ ตามมาตรฐานวิศวกรรม ทำให้ได้คุณภาพที่แน่นอน กว่าการใช้โม่ผสมเอง ไม่เกิดความเสียหายแก่คอนกรีตโครงสร้าง และทำให้บ้านมีอายุการใช้งานยาวนาน
นอกจากนี้ในส่วนของโครงสร้างคานชั้นหลังคานั้น วิศวกรของบริษัทฯ ได้กำหนดเป็นมาตรฐาน โดยให้คานโครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กเท่านั้น(ไม่ใช้เหล็กรูปพรรณ) ทั้งนี้เพื่อให้โครงสร้างของบ้านมั่นคงแข็งแรง มีความคงทนและมีอายุการใช้งานของอาคารที่ยาวนานขึ้น
ข้อพึงปฏิบัติ
1. การเทคอนกรีตโครงสร้างแต่ละประเภท ควรเทคอนกรีตให้ต่อเนื่องจนแล้วเสร็จในคราวเดียว ถ้าต้องมีการหยุดเทคอนกรีตให้หยุดเทคอนกรีตได้ตามตำแหน่งที่วิศวกรกำหนด เช่น เสา หยุดเทที่ระดับท้องคานที่เสารองรับและต้องเป็นแนวระดับ , คาน หยุดเทได้ที่กึ่งกลางคานและแนวที่หยุดต้อเป็นแนวดิ่ง ฯลฯ เป็นต้น
2. ขณะเทคอนกรีต ควรให้มีผู้ควบคุมงานหรือวิศวกรอยู่ประจำระหว่างเทคอนกรีต เพื่อคอยควบคุมการเทคอนกรีตให้เป็นไปตามข้อกำหนด

งานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก
การเทคอนกรีตจะต้องประกอบแบบหล่อคอนกรีตให้มั่นคงแข็งแรง (ควรใช้แบบเหล็ก) การค้ำยันต้องมีระยะห่างและเวลาตามข้อกำหนดมาตรฐาน เช่น ค้ำยันท้องคาน อย่างน้อย 14 วัน เป็นต้น
ข้อพึงปฏิบัติ
1. ระยะเวลาในการถอดแบบท้องคาน 7 วัน และค้ำยันต่อจนครบ 14 วัน
2. มาตรฐานเหล็กเส้นกลม SR – 24 ให้ใช้ของ บลส , บลกท , GSS , BSI มีขนาดและลักษณะตามที่กำหนด
3. มาตรฐานเหล็กข้ออ้อย SD – 30 ให้ใช้ของ บลส , บลกท , GSS , BSI มีขนาดและลักษณะตามที่กำหนด
4.. เหล็กเสริมในคาน ค.ส.ล. เหล็กบนให้ต่อทาบเฉพาะกึ่งกลางคาน ส่วนเหล็กล่างให้ต่อที่หัวเสา โดยมีระยะทาบเหล็กไม่น้อยกว่า 50 เท่าของเส้นผ่าศูนย์กลางของเหล็ก แต่ต้องไม่น้อยกว่า 60 ซม.
5. ก่อนทำการเทคอนกรีต จะต้องทำความสะอาดแบบหล่อทุกครั้งและหนุนลูกปูนให้เรียบร้อย

งานบ่มคอนกรีต
นอกจากการเลือกใช้คอนกรีตที่มีคุณภาพแล้ว ขั้นตอนการก่อสร้างก็เป็นอีกส่วนสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับงานโครงสร้างอาคารคือ การบ่มคอนกรีต เพื่อให้สามารถรับกำลังได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ภายหลังจากเทคอนกรีตและถอดแบบแล้ว จะต้องป้องกันมิให้น้ำระเหยออกจากเนื้อคอนกรีตเร็วเกินไป ซึ่งจะทำให้คอนกรีตเสียหาย จึงควรบ่มผิวคอนกรีตด้วยการใช้วัสดุปกคลุมผิวคอนกรีตไว้ และรดน้ำอย่างน้อย 7 วัน
ข้อพึงปฏิบัติ
ฉีดน้ำให้ชุ่มวันละ 2 ครั้ง(เช้า – บ่าย) ติดต่อกันอย่างน้อย 3 - 7 วัน เพื่อป้องกันน้ำจากเนื้อคอนกรีตระเหยออกเร็วเกินไป

งานผนังคอนกรีตมวลเบา
ปัจจุบันเราให้ความสำคัญในการเลือกวัสดุก่อสร้างบ้าน ที่จะช่วยให้ประหยัดการใช้พลังงานภายในบ้าน โดยการเลือกใช้คอนกรีตมวลเบาหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า อิฐมวลเบา มาใช้ในการก่อผนังบ้านแทนอิฐมอญ ทั้งนี้เพราะมีคุณสมบัติช่วยลดและระบายความร้อนภายในอาคารได้ดี ปกติจะมีขนาดความหนาให้เลือกใช้ คือ 7.5 , 10 และ 12 เซนติเมตร ฯลฯ ซึ่งจะมีราคาแตกต่างกัน โดยทั่วไปพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเลือกใช้ความหนา 7.5 เซนติเมตร เนื่องจากมีราคาถูกกว่า ท่านจึงควรสอบถามรายละเอียดให้ดี แต่ทั้งนี้เราขอแนะนำให้ท่านเลือกใช้ขนาดความหนา 10 เซ็นติเมตร เพราะมีคุณสมบัติที่เหนือกว่าแต่อาจต้องจ่ายเพิ่มอีกเล็กน้อย ดังเช่นที่ ปทุมดีไซน์ เน้นและให้ความสำคัญกับคุณภาพ จึงเลือกใช้ขนาดความหนา 10 เซนติเมตร
ข้อพึงปฏิบัติ
1. ใช้อิฐมวลเบา ขนาด 7.5 สำหรับงานผนังโชว์ เช่น ก่อเสาโชว์ ผนังเหนือคานหลังคา เป็นต้น ของบริษัทควอลิตี้ แอนด์ คอนสตัคชั่น จำกัด (คิวคอน)
2. อิฐมวลเบา ขนาด 10 ซม. สำหรับงานผนังทั่วไป ของบริษัทควอลิตี้ แอนด์ คอนสตัคชั่น จำกัด (คิวคอน)
3. ใช้อุปกรณ์และเครื่องมือตามที่ผู้ผลิตแนะนำ เช่น เกรียงก่อฟันปลา , สว่านไฟฟ้าและหัวปั่นปูน เพื่อให้งานเรียบร้อยถูกต้องตามที่กำหนด
4. จะต้องก่อด้วยวิธีสลับแนวระหว่างแถวชั้นบนถัดไป ให้แนวที่เหลื่อมกันมีระยะไม่น้อยกว่า 10 ซม.
5. ปลายก้อนที่ก่อชนเสาโครงสร้าง หรือเสาเอ็นจะต้องยึดด้วยแผ่นเหล็ก Metal Strap ยาวประมาณ 20 ซม. ติดเข้ากับเสาด้วยตะปูคอนกรีต หรือพุกสกรูทุกระยะ 2ชั้น ของ Block
6. มุมกำแพงทุกมุมกรณีไม่ทำเสาเอ็น ค.ส.ล. ให้ก่อประสานเข้ามุม (Interlocking)
7. ในการก่ออิฐต้องให้เนื้อปูนก่อเต็มรอยต่อของแผ่นอิฐโดยรอบแผ่น(ไม่มีช่องว่าง)
8. ระดับอิฐก่อใต้ท้องวงกบ ควรอยู่ต่ำกว่าระดับท้องวงกบประมาณ 3 – 5 ซม.

งานฉาบปูน
จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและข้อกำหนดของผู้ผลิตปูนซเมนต์ชนิดฉาบ ผิวปูนฉาบจะต้องเรียบสม่ำเสมอกัน โดยเฉพาะบริเวณมุมผนัง มุมเสา จะต้องฉาบแต่งให้ได้มุมฉาก ซึ่งสามารถตรวจสอบได้โดยการใช้แผ่นกระเบื้องเคลือบหรือเหล็กฉากทาบเข้าบริเวณมุมผนัง นอกจากนี้บริเวณตำแหน่งที่ทำการฝังบล็อคไว้ในผนังก่ออิฐเพื่อติดตั้งสวิตท์ - ปลั๊ก ควรตกแต่งผิวปูนโดยรอบเพื่อความเรียบร้อยของงานฉาบ
ข้อพึงปฏิบัติ
1. ก่อนฉาบให้ทำการติดลวดตาข่าย เช่น มุมวงกบ – ด้านล่าง - บนประตู - หน้าต่าง, รอยต่อเสาคาน
2. ใช้ปูนฉาบชนิดฉาบคอนกรีตมวลเบาเท่านั้น ห้ามใช้ปูนฉาบชนิดธรรมดา ฉาบบนผนังคอนกรีตมวลเบา เพราะมีโอกาสหลุดร่อน และแตกร้าวสูง เพราะไม่มีคุณสมบัติยึดเหนี่ยวเพียงพอ
3. บริเวณมุมหรือขอบผนัง ให้ใช้เซี้ยมสำเร็จรูป ซึ่งจะทำให้งานเสร็จเร็ว และคุณภาพดีขึ้น
งานฝ้าเพดาน , บัวมอบพื้น . บัวมอบฝ้าเพดาน

งานฝ้าเพดาน ,บัวมอบพื้น - บัวมอบฝ้า
งานฝ้าเพดานภายใน คือส่วนหนึ่งของงานตกแต่งพื้นที่ห้องภายในอาคารให้ดูเรียบร้อยสวยงาม เพื่อมิให้มองเห็นท้องพื้นชั้นบนหรือโครงหลังคา โดยมาตรฐานการทำงานของบริษัทฯ นั้นกำหนดให้เป็นวัสดุชนิดงานฝ้าฉาบเรียบรอยต่อ และประดับโดยรอบผนังด้วยไม้ตีบัวลวดลาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มคุณค่าและเป็นวัสดุตกแต่งภายในห้องนั้นๆ ให้สวยงามยิ่งขึ้น นอกจากนี้แล้วขนาดความหนาของโครงฝ้า(ซีลาย) จะต้องเป็นชนิดอย่างหนาเพื่อให้มีอายุการใช้งานยาวนาน โดยไม่แอ่นตัวหรือหย่อนลงมาเร็วเกินไปเมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง
ส่วนงานตกแต่งและเก็บความเรียบร้อยภายในเพื่อความสวยงามของบ้าน ในส่วนของงานพื้น , ผนัง และเพดาน บริษัทฯจะติดตั้งไม้บัวมอบพื้น - ฝ้าเพดาน โดยไม้ที่นำมาติดตั้งจะตีบัวลวดลายเพื่อให้สวยงามยิ่งขึ้น ทั้งนี้งานตกแต่งส่วนนี้นับว่ามีราคาแพงพอสมควรและช่วยให้บ้านดูดี ซึ่งโดยทั่วไปเจ้าของบ้านมักจะไม่ได้ศึกษารายละเอียดวัสดุและไม่ทราบว่ามีอยู่ในการสร้างบ้านหรือไม่
ข้อพึงปฏิบัติ
1. ฝ้าเพดานยิบซั่มบอร์ดชนิดฉาบเรียบ ควรใช้โครงเหล็กชุบสังกะสีอย่างหนา เพื่อรับน้ำหนักแผ่นยิบซั่มบอร์ดได้ดีและไม่แอ่นตัวในระยะยาว
2. การฉาบรอยต่อของแผ่นฝ้าเพดานยิบซั่มบอร์ดจะต้องเรียบสม่ำเสมอกัน และระหว่างรอยต่อแผ่นยิบซั่มบอร์ดจะต้องใช้แถบผ้าปิดทับก่อนทำการฉาบรอยต่อ เพื่อป้องกันรอยแตกระหว่างแผ่น

งานฝ้าเพดานภานนอก
งานฝ้าเพดานภายนอกที่เป็นไม้ระแนงตีเว้นร่อง(วัสดุรุ่น Classic) นอกจากประโยชน์ที่ช่วยให้เกิดการถ่ายเทความร้อนภายใต้หลังคาได้ดีแล้ว ยังนับว่าช่วยทำให้บ้านดูสวยงามและมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพราะไม้ช่วยสร้างเสน่ห์และเป็นงานตกแต่งที่ทำให้บ้านดูดีขึ้น แต่การเลือกนำไม้มาใช้งานควรเลือกใช้ไม้ประเภทไม้เนื้อแข็งเท่านั้น เช่น ไม้แดง ไม้มะค่า เป็นต้น เพราะเนื้อไม้มีโอกาสเกิดการบิดงอน้อยกว่าไม้เนื้อแข็งประเภทไม้เต็ง และที่สำคัญควรโชว์ผิวและสีไม้ด้วยการเลือกใช้วัสดุเคลือบผิวไม้ประเภทยูริเทนชนิดทาภายนอก สำหรับไม้โครงเคร่าควรทาด้วยเชลล์ไดซ์และติดตั้งมุ้งไนล่อน เพื่อช่วยป้องกันปลวกและแมลงอีกครั้ง ก่อนที่จะทำการติดตั้งไม้ฝ้าระแนงกับโครงไม้

งานบันได
ในงานสร้างบ้านนั้นการทำงาน บันไดไม้ นับเป็นงานฝีมือและถือได้ว่าเป็น จุดขายงานไม้ของบ้าน ถ้าช่างทำงานได้สวยงามปราณีต การไสปรับแต่งและขัดผิวไม้ต้องเรียบสนิทไม่ และควรป้องกันรักษาเนื้อไม้ด้วยวัสดุเคลือบผิวไม้อย่างดี นอกจากนั้นแล้วการเลือกไม้ที่มาใช้ทำบันได ควรเป็นไม้ชนิดเนื้อแข็ง เช่น ไม้แดง ไม้มะค่า ฯลฯ

งานทาสีอาคาร
การทาสีอาคารที่ดีและถูกต้องนั้น จะต้องรอให้ผนังปูนที่ฉาบไว้แห้งสนิท และทำการขัดแต่งผิวปูนที่มีเม็ดทรายหรือเศษปูนฉาบเกาะติดอยู่ออกเพื่อให้ผิวปูนเรียบก่อน จากนั้นจึงทาสีรองพื้นปูน 1 เที่ยว ก่อนทำการทาสีจริง ทั้งนี้เพราะคุณสมบัติของสีรองพื้นจะช่วยป้องกันเชื้อรา และช่วยเคลือบผิวปูนเอาไว้ ป้องกันการหลุดลอกของสีจริง ยืดอายุการใช้งาน สำหรับผิวไม้ที่ต้องทาสีน้ำมันเช่นกัน จะต้องขัดแต่งผิวไม้และทาสีรองพื้นไม้ 1 เที่ยว ก่อนทำการทาสีจริง

งานระบบไฟฟ้าภายในบ้าน
การเดินสายไฟฟ้าภายในบ้าน เราเน้นถึงความปลอดภัยและอายุการใช้งานเป็นสำคัญ โดยทำการร้อยสายไฟฟ้าภายในท่อและฝังในผนัง ทั้งนี้แบ่งระดับของคุณภาพของท่อร้อยสายไฟฟ้าออกเป็น 2 ประเภทคือ ท่อ P.V.C. สีเหลือง , ท่อเหล็ก นอกจากนี้แล้วยังช่วยให้ผนังบ้านดูเรียบร้อยสวยงาม เพราะไม่มีการเดินสายไฟฟ้าแนบไว้ให้เห็นที่ผนังบ้าน
มาตรฐานการทำงานระบบไฟฟ้าการควบคุมวงจรและอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญและคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งาน ดังนั้นมาตรฐานในการติดตั้งจะต้องตรวจสอบและทดสอบวงจรไฟฟ้าอย่างถูกต้องก่อนการใช้งานจริง การติดตั้งจะต้องเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้งเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยสูงมีอายุการใช้งานนาน และเหมาะสมเพียงพอกับอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน

งานเดินท่อประปา
การออกแบบและกำหนดตำแหน่งติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ และการเตรียมงานระบบเดินท่อประปา ในขณะเทคอนกรีตโครงสร้าง จะช่วยป้องกันปัญหาการรั่วซึมบริเวณจุดเดินท่อประปาผ่านพื้นคอนกรีตเป็นอย่างดี และไม่ทำให้เกิดการกระทบกระเทือนกับพื้นคอนกรีต ที่เกิดจากการที่ไม่ได้เตรียมงานไว้ก่อนและต้องมาทำการสกัดพื้นภายหลัง เพื่อจะเดินท่อประปา ดังนั้นเจ้าของบ้านควรให้ความสำคัญก่อนการเริ่มงาน

งานสุขภัณฑ์-อุปกรณ์และการติดตั้ง
นอกจากความสวยงามในการเลือกใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่มีความสวยงาม และให้ความสะดวกสบายในการใช้งานแล้ว การเลือกใช้วัสดุและอุปกรณ์ภายในห้องน้ำ จะต้องเลือกที่มีอายุการใช้งานและความคงทนต่อสภาพการใช้งาน เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบำรุงรักษา หรือต้องมาหัวเสียกับค่าน้ำประปาอันเกิดจากปัญหารั่วซึมตามอุปกรณ์ที่นำมาติดตั้ง ด้วยมาตรฐานวัสดุสร้างบ้านที่ดีของบริษัทจึงเลือกสรรอย่างดี แม้เพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ เช่น อุปกรณ์สายฉีดน้ำ สายต่อท่อน้ำ เรากำหนดให้เป็นชนิดสายท่อเหล็ก ฯลฯ เป็นต้น

งานวงกบประตู-หน้าต่าง
การเลือกใช้วงกบประตู-หน้าต่าง ขนาด 2 X 5 นิ้ว บริเวณผนังที่ต้องมีการตกแต่งหรือปูกระเบื้องเคลือบที่ผนัง จะทำให้เมื่อปูกระเบื้องผนังแล้วเสร็จ ผิวของกระเบื้องจะเรียบและเสมอกับขอบวงกบประตู - หน้าต่าง ทำให้มีความเรียบร้อยสวยงาม
งานบัวปูนภายนอกรอบประตู - หน้าต่าง เพื่อประโยชน์ในการช่วยป้องกันการสาดหรือไหลซึมของน้ำ เมื่อมีฝนตกลงมาตามขอบประตู - หน้าต่าง รวมถึงเป็นงานประดับตกแต่งผนังภายนอกอาคารที่ช่วยให้บ้านดูสวยงาม นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการแตกร้าวของผนังตามมุมวงกบประตู - หน้าต่าง กรณีที่ไม้มีการบิดตัวหรือยืดหดตัวจากความร้อนได้ส่วนหนึ่ง

งานตกแต่งผนัง
ผนังตกแต่งหรือผนังกั้นแบ่งส่วนอาบน้ำ และทำการปูผิวด้วยกระเบื้องเคลือบ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องลบมุมผนังที่ปูกระเบื้อง เพื่อมิให้มีเหลี่ยมคมอันอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ในระหว่างใช้งาน โดยการใช้วัสดุคิ้ว P.V.C. ติดบริเวณขอบและมุมผนังทุกด้าน
การตกแต่งผนังด้วยวัสดุตกแต่งผนังนั้น นอกเหนือจากคัดเลือกคุณภาพของวัสดุที่จะนำมาใช้แล้ว สิ่งสำคัญที่จะต้องคำนึงถึงคือ ขั้นตอนการทำงาน ฝีมือและความปราณีตในการทำงานของช่าง เช่น การเตรียมผิวปูน ระยะ ระดับ แนว(การเว้นร่อง) และเทคนิคการทำงานที่ดี เพื่อให้งานที่ได้มีความสวยงามและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

งานโครงหลังคา
วัสดุที่นำมาใช้ในการก่อสร้างโครงหลังคาบ้าน โดยทั่วไปที่นิยมใช้กันในปัจจุบันนี้ คือ "เหล็กรูปพรรณ" หรือเรียกกันทั่วๆไปว่าเหล็กดำหรือเหล็กตัวซี แต่เรา...ปทุมดีไซน์ฯ ได้มีการพัฒนาไปอีกระดับหนึ่ง ด้วยการเลือกใช้วัสดุสำหรับงานก่อสร้าง โครงหลังคาบ้าน ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นคือ โครงหลังคาเหล็กป้องกันสนิม EASY TRUSS
คุณสมบัติเด่นของโครงหลังคาเหล็กป้องกันสนิม EASY TRUSS คือ เนื้อเหล็กเคลือบด้วย Galvanize มาจากโรงงานผลิตโดย Blue Scope Steel (Thailand) Ltd. เพื่อป้องกันการเกิดสนิม แตกต่างจากโครงหลังคาเหล็กระบบเดิมที่ใช้เหล็กรูปพรรณทาสีกันสนิม และในการออกแบบคำนวณความแข็งแรงและความปลอดภัยของโครงสร้างหลังคานั้น ทำการออกแบบด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์และซอฟแวร์ที่ทันสมัย ซึ่งได้รับการยอมรับจากประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถวิเคราะห์และออกแบบได้หลากหลายรูปแบบ ถูกต้องตามหลักสถาปัตยกรรม
นอกจากนี้การติดตั้งและประกอบเหล็กโครงหลังคาเหล็กรูปพรรณแบบเดิมๆ จะใช้วิธีติดตั้งด้วยเครื่องเชื่อมไฟฟ้า ซึ่งไม่ปลอดภัยขณะทำการก่อสร้างและก่อให้เกิดมลภาวะ แต่สำหรับโครงหลังคาเหล็กป้อง EASY TRUSS ติดตั้งโดยวิธียึดด้วยน๊อตและสกรู ทำให้การตรวจสอบและควบคุมขั้นตอนการทำงาน ได้มาตรฐานกว่าการติดตั้งด้วยเครื่องไฟฟ้าเหมือนโครงหลังคาระบบเดิม จึงกล้ารับประกันการเกิดสนิม นานถึง 10 ปีเต็ม

การลดอุณหภูมิภายในบ้าน และการป้องกันความร้อนจากหลังคา

เนื่องจากสภาพอากาศเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ดังนั้นการช่วยลดความร้อนและอุณหภูมิภายในอาคารจึงมีความสำคัญเช่นกัน โดยมาตรฐานการก่อสร้างของเรานั้น เลือกใช้วัสดุช่วยป้องกันและสะท้อนความร้อนใต้หลังคา ของซีแพคโเนีย ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิภายในบ้านลดลงและช่วยประหยัดการใช้ไฟฟ้าจากเครื่องปรับอากาศ
ที่มา : Patum Design & Develop CO.,LTD.

  • Hits: 1704

ติดต่อเรา

This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.